บทที่ 1


บทที่1
บทนำ

 ที่มาและความสำคัญของโครงงาน

          ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรผู้ปลูกดอกไม้เพื่อนำไปจำหน่ายต่อ ทั้งที่จะเดินทางมารับและกระจายไปตามที่ต่าง ๆ มักจะประสบปัญหาผลผลิตที่เก็บเกี่ยวรอการนำไปจำหน่ายนั้นเริ่มเหี่ยวเฉาภายในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่ไม่มีต้นทุนในการซื้อตู้แช่ขนาดใหญ่ที่ช่วยคงความสดได้ จะประสบปัญหาการรักษาความสดของดอกไม้  ยิ่งในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว หากเก็บรักษาผลผลิตไว้ไม่ดี เวลานำออกไปจำหน่ายนั้นจะได้ค่าตอบแทนที่ไม่ดีนัก  อีกทั้งดอกไม้มีประโยชน์มากมายหลายอย่าง   ไม่ว่าจะเป็นนำไปร้อยพวงมาลัยนำไปตกแต่งห้องหรือช่วยเพิ่มกลิ่นหอม  แต่ก็มักจะพบปัญหาว่าดอกไม้ จะเหี่ยว  ดังนั้นจึงมีร้านขายดอกไม้หลายแห่งใช้สารฟอร์มาลีนมาแช่ดอกไม้เพื่อจะคงความสดของดอกไม้แต่มีข้อเสียคือเป็นสารเคมีที่อันตรายต่อสุขภาพ  ในปัจจุบันพบว่า  มีสารที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวันมากมายที่ยับยั้งการเหี่ยวของดอกไม้  ซึ่งนับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความปลอดภัยจากสารเคมี  ผู้จัดทำมีความสนใจที่จะจัดทำโครงการนี้ขึ้น  เพื่อศึกษาและเลือกทำการทดลองโดยใช้น้ำโซดา  น้ำลิโพวิตั้นดี        และน้ำตาลอ้อยธรรมชาติมาทำการทดลองว่าสารชนิดใดจะช่วยชะลอความเหี่ยวของดอกไม้ได้ดีที่สุดเพื่อที่จะมานำไปใช้แทนสารฟอร์มาลีนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

วัตถุประสงค์ของการศึกษา

1.    เพื่อให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับวิธีทำการทดลองทำสเปรย์ชะลอความเหี่ยวของดอกไม้
2.    เพื่อทดสอบสารและหาประสิทธิภาพของสเปรย์ชะลอความเหี่ยวของดอกไม้
3.    เพื่อสามารถนำไปประยุกต์ในชีวิตประจำวัน

ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า

          ทดลองทำสเปรย์ชะลอความเหี่ยวของดอกไม้จาก น้ำโซดา น้ำลิโพวิตั้นดีและน้ำตาลอ้อย ทดลองในช่วงเดือนกันยายน 2561

สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า

          สารจากธรรมชาติที่นำมาใช้แทนสารฟอร์มาลีนซึ่งก็คือ  น้ำโซดา  น้ำลิโพวิตั้นดีและน้ำตาลอ้อยธรรมชาติสามารถคงความสดของดอกไม้ได้ดีต่างกันออกไป

ตัวแปร

1.  ตัวแปรต้น  ดอกไม้ 
2.  ตัวแปรตาม  การชะลอของดอกไม้
3.  ตัวแปรควบคุม ปริมาณสารละลาย ปริมาตรของขวด

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1.  ได้รับความรู้จากการทำสเปรย์    
2.  ฝึกฝนการอดทนในการทำงานและการปฏิบัติงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
3.  ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
4.  สามารถยืดอายุของดอกไม้ได้

ความคิดเห็น